Earpod หูฟังติดกล่อง iPhone กับลูกเล่น Remote ที่มากกว่าแค่ไว้ฟังเพลง
ปกติแล้ว iPhone เป็นโทรศัพท์ที่สืบเชื้อสายการฟังเพลงมาจาก iPod ตามความตั้งใจแรกสุดที่ Apple ทำ iPhone ให้เป็น iPod ที่รองรับการใช้งานแบบหน้าจอสัมผัส เพราะฉะนั้น หูฟัง Earpod สีขาวที่ปกติแถมมากับ iPhone จึงกลายร่างเป็นหูฟังพร้อมไมค์สนทนา บวกกับเป็นรีโมทควบคุมการใช้งาน แต่รู้หรือไม่ รีโมทที่หูฟัง มีลูกเล่นหลายอย่างที่ทำให้ควบคุมการใช้งานได้โดยไม่ต้องยกเครื่องมาดู
ปกติแล้ว iPhone จะแถมหูฟังพร้อมรีโมทควบคุมมาให้ โดยตั้งแต่ iPhone 3GS เป็นต้นมาไม่ว่าจะเป็นหูฟังแบบเดิม หรือหูฟัง Earpod ที่เริ่มใช้ใน iPhone 5 จะมีรีโมทแบบมีปุ่มปรับระดับเสียงมาให้ แต่ลูกเล่นของหูฟังทั้งสองแบบนี้ มีวิธีการใช้งานที่เหมือนกัน นอกจากนี้ หูฟังตัวท็อปของ Apple อย่าง Apple In-Ear ก็มีรีโมทที่ให้ลูกเล่นใช้งานเหมือนกับหูฟังติดกล่องเช่นกัน
ทำความรู้จักรีโมท
รีโมทหูฟังของ iPhone จะเป็นแท่งเล็กๆ สีขาว โดยด้านที่เป็นปุ่ม ตรงกลางจะเป็นปุ่มควบคุม ด้านซ้ายจะเป็นปุ่มลดเสียง ด้านขวาจะเป็นปุ่มเพิ่มเสียง ส่วนด้านหลังของรีโมท จะมีช่องเล็กๆ ที่เจาะไว้เป็นไมค์สนทนา ปุ่มทั้งหมด รองรับการกดลงไปได้ทันที โดยน้ำหนักของปุ่ม จะแข็งเล็กน้อยให้รู้ว่า ต้องกดอย่างตั้งใจลงไป ทำให้เวลาใช้งานจริง การเผลอกดเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ง่ายนัก
ความสามารถของรีโมทบนหูฟัง
ถึงแม้ว่าปุ่มรีโมทบนหูฟังจะมีเพียงแค่ 3 ปุ่ม แต่ความสามารถที่สามารถทำได้มีหลายอย่างมาก บางอย่างหลายคนอาจจะไม่เคยรู้มาก่อนเลยก็ได้ เรามาดูกันดีกว่าครับว่ามีอะไรบ้าง
ลูกเล่นขณะโทรศัพท์หรือ FaceTime
- เมื่อมีสายเข้าการกดปุ่มกลางหนึ่งครั้งจะเป็นการรับสาย เมื่อสนทนาจบ การกดหนึ่งครั้ง จะเป็นการวางสาย
- เมื่อมีสายเข้าแต่ไม่ต้องการรับสาย ให้กดปุ่มกลางค้างประมาณ 2-3 วินาที แล้วปล่อยจะเป็นการกดตัดสายครับ
- เมื่อที่มีสายเข้ามาและต้องการปิดเสียง Ringtone (แต่ไม่กดตัดสาย) ให้กดปุ่มปรับเสียง + หรือ – ก็ได้ เสียงเรียกเข้าจะหายไป
- ระหว่างที่กำลังอยู่ในสาย สามารถใช้ปุ่มปรับเสียง + และ –
- ในการปรับระดับความดังของเสียงระหว่างคุย
- ถ้ามีสายซ้อนเข้ามา กดปุ่มกลาง 1 ครั้งจะเป็นการสลับสายไปรับสายใหม่ที่เข้ามา และพักสายของสายแรกไว้ก่อน
- ไมค์ที่ตัวหูฟังจะเป็นไมค์สำหรับสนทนา
ลูกเล่นระหว่างฟังเพลง
- กดปุ่มกลาง 1 ครั้ง จะเป็นการ pause เพลงที่กำลังเล่นอยู่ และกดอีกครั้งเพลงจะเล่นต่อ
- กดปุ่มกลาง 2 ครั้งติดกัน จะเป็นการข้ามไปเพลงถัดไป
- กดปุ่มกลาง 3 ครั้งติดกัน จะเป็นการเริ่มต้นเพลงใหม่ และถ้ากด 3 ครั้งติดกันในช่วง 3 วินาทีแรกจะเป็นการเล่นเพลงก่อนหน้า
- กดปุ่มกลาง 2 ครั้งติดกันแล้วกดค้างไว้ จะเป็นการกรอเพลงไปข้างหน้า ยิ่งกดค้างไว้นานเพลงก็จะยิ่งกรอไปเร็วขึ้น
- กดปุ่มกลาง 3 ครั้งติดกันแล้วกดค้างไว้ จะเป็นการกรอเพลงย้อนกลับ ยิ่งกดค้างไว้นานเพลงก็จะยิ่งกรอไปเร็วขึ้นเช่นกัน
- ปุ่มปรับเสียง + และ – จะปรับความดังของเสียงเพลง
ลูกเล่นขณะดูวีดีโอ
- กดปุ่มกลาง 1 ครั้ง จะเป็นการ pause วีดีโอที่กำลังเล่นอยู่ และกดอีกครั้งวีดีโอจะเล่นต่อ
- กดปุ่มกลาง 2 ครั้งติดกัน สำหรับวีดีโอบางอันที่รองรับอย่างเช่นหนังเรื่องต่างๆ ที่มีการแบ่งตอนเอาไว้ จะข้ามไปตอนต่อไป
- กดปุ่มกลาง 3 ครั้งติดกัน จะเป็นการเริ่มต้นตอนนั้นๆ ใหม่ และถ้ากด 3 ครั้งติดกันในช่วง 3 วินาทีแรกจะเป็นการกลับไปตอนก่อนหน้า
- กดปุ่มกลาง 2 ครั้งติดกันแล้วกดค้างไว้ จะเป็นการกรอวีดีโอไปข้างหน้า ยิ่งกดค้างไว้นานวีดีโอก็จะยิ่งกรอไปเร็วขึ้น
- กดปุ่มกลาง 3 ครั้งติดกันแล้วกดค้างไว้ จะเป็นการกรอวีดีโอย้อนกลับ ยิ่งกดค้างไว้นานวีดีโอก็จะยิ่งกรอไปเร็วขึ้นเช่นกัน
- ปุ่มปรับเสียง + และ – จะปรับความดังของเสียงวีดีโอ
ลูกเล่นขณะถ่ายรูป
- กดปุ่มปรับเสียง + หรือ – จะเป็นการภาพนิ่งให้โดยทันที
- ในโหมดถ่ายวีดีโอสามารถกดปุ่มปรับเสียง + หรือ – เพื่อเริ่มถ่ายวีดีโอได้เช่นกัน และกดอีกครั้งจะเป็นการหยุดถ่าย
- ในโหมด panorama กดปุ่มปรับเสียง + หรือ – จะเป็นการเริ่มถ่าย เมื่อได้ภาพที่กว้างแบบที่ต้องการแล้วกดอีกครั้งจะเป็นการหยุดถ่าย
การใช้งานอื่นๆ
- กดปุ่มกลางค้างไว้ประมาณ 2-3 วินาที จะเป็นการเรียกใช้งาน Siri ขึ้นมาครับ สามารถคุยกับหูฟังได้เลย ส่วน iPhone 4 หรือรุ่นอื่นๆ ที่ไม่รองรับ Siri จะเป็นการเรียก Voice Control ขึ้นมาแทนครับ
- ลูกเล่นต่างๆ ของรีโมทสามารถใช้ได้กับ iPad และ iPod touch เช่นเดียวกันกับ iPhone แต่ไม่ได้แถมหูฟังที่มีรีโมทมาให้ในกล่อง
- การใช้รีโมทความคุมเพลงสามารถใช้ได้กับ iPod Classic, iPod Nano ตั้งแต่ Gen 4 ขึ้นไป และ iPod Shuffle Gen 3 ขึ้นไปด้วยเช่นกัน
- สำหรับบนเครื่อง Mac สามารถใช้รีโมทควบคุมเพลงที่เล่นจาก iTunes ได้ และใช้ปุ่มปรับเสียง + และ – ในการปรับความดังของเครื่อง
ลูกเล่นต่างๆ เหล่านี้สามารถใช้ได้จากหูฟังของ Apple ทั้งหมดที่มีรีโมตไม่ว่าจะเป็นหูฟัง iPhone แบบเดิม, หูฟัง Earpod ที่มาพร้อมกับ iPhone รุ่นใหม่ๆ หรือไม่ว่าจะเป็นหูฟัง Apple In-Ear นอกจากนี้หูฟังบางยี่ห้อก็ทำ remote มารองรับกับการใช้งานบน iPhone ได้เช่นเดียวกันกับหูฟังจาก Apple เองครับ
ทั้งหมดนี้ น่าจะทำให้หูฟังติดกล่องที่ใช้งาน ถูกใช้เต็มประสิทธิภาพ และเป็นผู้ช่วยในการควบคุม ที่ลดภาระการหยิบเครื่องขึ้นมาดูได้อย่างแน่นอนครับ ^ ^
ที่มา iphonesociety