เชื่อว่าทุกคนคงรองานนี้มาเกือบครึ่งปี ในที่สุดมันก็ได้เกิดขึ้นแล้ว.. กับงาน Apple Special Events September 2014 ซึ่งงานนี้จะมีอะไรใหม่ ๆ มาเปิดตัวบ้างนั้น เชิญอ่านได้เลยครับ
iPhone 6
- จอ Retina HD display ขนาด 4.7″ ความละเอียด 1334 x 750 พิกเซล 326ppi ซึ่งละเอียดกว่า iPhone 5s ถึง 38%
- วัสดุตัวเครื่อง ใช้กระจก Ion ซึ่งมีความแข็งแรงมาก และใช้ฝาหลังเป็นอะโนไดซ์อลูมิเนียม
- ความบางอยู่ที่ 6.9mm. (iPhone 5s อยู่ที่ 7.6 mm.)
- ใช้ชิป Apple A8 ที่มาพร้อมกับ CPU แบบ64-bit เร็วขึ้นกว่า iPhone 5s 25% และประหยัดไฟขึ้น
- ชิพ co-processor M8 สำหรับช่วยประมาลผลด้านการเคลื่อนไหวตัวใหม่ เน้นการทำงานกับอุปกรณ์ฟิตเนส เน้นเรื่องของการเคลื่อนไหว สามารถนับก้าวการเดิน และสามารถนับระยะทางที่ขึ้นบันไดได้ด้วย
- กล้อง iSight (กล้องด้านหลัง) ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f 2.2 มา พร้อมเซนเซอร์ใหม่โฟกัสได้ไวและแม่นยำขึ้น ถ่ายวิดีโอ Slow-motion ที่ 120 fps และ 240 fps (ช้ากว่าเดิม 2 เท่า), ปรับปรุงการตรวจจับใบหน้า, รองรับการถ่ายวีดีโอ 1080p ที่ 60 fps
- กล้อง FaceTime HD (กล้องด้านหน้า) หน้าสามารถรับแสงได้มากกว่าเดิมถึง 81%, มีโหมด Burst Selfies สำหรับการถ่ายเซลฟี่แบบรัว ๆ
ตัวอย่างรูปจากกล้องของ iPhone 6
- มีชิพ NFC สำหรับใช้งานกับ Apple Pay (บริการที่ใช้ iPhone จ่ายเงินแทนการรูดบัตรเครดิต) ที่สะดวกและมีความปลอดภัยสูง ซึ่งสามารถใช้ได้กับการซื้อของทั่วไป และร้านค้าต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Subway, Mc Donalds ฯลฯ และสามารถซื้อของออนไลน์ได้
- มีบารอมิเตอร์ วัดความกดอากาศ
- รองรับ LTE ที่คลื่นความที่ 150Mbps และ WiFi 802.11ac ที่เร็วขึ้นกว่าเดิม 3 เท่า
iPhone 6 Plus
ความสามารถพื้นฐานทั่ว ๆ ไป เหมือนกับ iPhone 6 ทุกอย่าง นอกจากสิ่งเหล่านี้
- จอขนาด 5.5″ ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล 401ppi ซึ่งละเอียดกว่า iPhone 5s ถึง 185%
- ความบางอยู่ที่ 7.1 mm. (iPhone 6 บาง 6.9 mm. | iPhone 5s บาง 7.6 mm.)
- สามารถใช้ Homescreen แบบแนวนอนได้ (เหมือน iPad)
- กล้องมี OIS (Optical Image Stabilization) ซึ่งใช้ในการป้องกันภาพสั่น
- โหมดแนวนอนมีพื้นที่การทำงานที่มากกว่า iPhone ปกติ พร้อมกับคีย์บอร์ดพิเศษ ที่จะทำให้สามารถพิมพ์ได้อย่างสะดวกและคล่องแคล่วมากกว่าคีย์บอร์ดธรรมดา
Apple Watch
- มีสองขนาดให้เลือก (ไม่ระบุขนาด)
- แบ่งออกเป็น 3 รุ่นใหญ่ ๆ ได้แก่ Apple Watch (บอดี้สแตนเลส), Apple Watch Sport (บอดี้อะลูมิเนียม) และ Apple Watch Edition (บอดี้ทำมาจากทองคำ 18 กะรัต !)
- หน้าจอทำมาจากกระจก Sapphire ซึ่งมีความแข็งแรงสูงมาก
- การควบคุมจะใช้การสัมผัสหน้าจอควบคู่กับปุ่มหมุนที่อยู่ด้านข้างที่เรียกว่า “Crown” ซึ่งใช้ในการซูมสิ่งต่างๆ
- มีเซนเซอร์อยู่ข้างใต้ตัวเรือนนาฬิกา เป็นเซนเซอร์ที่วัดข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพ เช่นอัตราการเต้นของหัวใจ
- สามารถใช้งาน Siri ได้
- สามารถรับการแจ้งเตือนจาก iPhone มายัง Apple Watch ได้ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Twitter ฯลฯ
- มีแอปพลิเคชั่นให้โหลดเพิ่มใน App Store
- สามารถใช้งานควบคู่กับ iPhone 5, iPhone 5s, iPhone 5c, iPhone 6 และ iPhone 6 Plus
- มีชิพ NFC ในตัวเช่นเดียวกับ iPhone 6 สามารถจ่ายเงินผ่านทาง Apple Pay ได้อีกด้วย
*iOS 8 จะปล่อยให้ดาวน์โหลดใช้งานได้อย่างเป็นทางการในวันที่ 17 กันยายนนี้ครับ*
ราคา & กำหนดการวางขาย
iPhone 6 : ความจุขนาด 16GB, 64GB และ 128GB ราคาอยู่ที่ 199$, 299$ และ 399$ ตามลำดับ (ราคาสำหรับสหรัฐฯ ติดสัญญา 2 ปี)
iPhone 6s : ความจุขนาด 16GB, 64GB และ 128GB ราคาอยู่ที่ 299$, 399$ และ 499$ ตามลำดับ (ราคาสำหรับสหรัฐฯ ติดสัญญา 2 ปี)
เปิดให้จองในประเทศสหรัฐอเมริกาในวันศุกร์ที่ 12 กันยายนที่จะถึงนี้ และวางจำหน่ายในวันที่ 19 กันยายนนี้ (ของไทยยังไม่กำหนดวันวายขาย)
Apple Watch ราคาเริ่มต้นที่ 349$ วางจำหน่ายต้นปี 2015
นอกจากนี้ใน Apple Store ไทยยังได้มีการเปลี่ยนแปลงราคาขายของ iPhone 5s และ iPhone 5c เช่นกัน
iPhone 5c 8GB ราคา 14,990 บาท (Store ของประเทศไทย)
iPhone 5s 16GB ลดราคาเหลือ 19,900 บาท และ 32GB เหลือ 21,900 บาท (Store ของประเทศไทย)
และนี่ก็คือทั้งหมดที่เกิดขึ้นในคืนนี้, ส่วนตัวแล้วสิ่งที่ผมตื่นตาตื่นใจมากที่สุดเห็นจะเป็นกล้องของ iPhone 6 ที่เพิ่มคุณภาพของเซนเซอร์และรูรับแสง ไม่ใช่พิกเซลเพียงแต่อย่างเดียว ซึ่งผมเชื่อว่านั่นจะทำให้การถ่ายรูปบน iPhone สนุกยิ่งขึ้นครับ
ที่มา iphonesociety